ป้อมพระจุลจอมเกล้า

เที่ยวชมเรือรบหลวง และสถานที่ทางประวัติศาสตร์



ป้อมพระจุลจอมเกล้า (Phra Chulachomklao Fort) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ป้อมพระจุล สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ในอำเภอพระสมุทรเจดีย์ สถานที่ควรค่าแห่งการจดจำ และร่วมรำลึกถึงเหตุการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ในอดีต บอกเล่าแก่ลูกหลาน และอนุชนคนรุ่นหลัง ให้ได้ศึกษาเรียนรู้เรื่องราวครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย ได้แวะกราบสักการะพระบรมรูป รัชกาลที่ 5 เดินชมป้อม หลุมปืน และปืนเสือหมอบ ที่ครั้งนึงเคยได้ร่วมยิงต้านเรือรบฝรั่งเศส ขึ้นชมเรือหลวงแม่กลอง เรือรบที่ใช้งานมายาวนานที่สุด ป้อมพระจุลเป็นที่เที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ เหมาะกับทุกเพศทุกวัย เด็กๆ ได้สนุกกับการได้เห็นป้อมปราการ และเรือรบของจริง เปิดให้เข้าชมทุกวันโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เส้นทางการเดินทางสะดวก ไม่ยุ่งยากซับซ้อน

ป้อมพระจุลจอมเกล้า เดิมชื่อว่า ป้อมแหลมฟ้าผ่า ตั้งอยู่บริเวณที่เรียกว่าแหลมฟ้าผ่า* อำเภอพระสมุทรเจดีย์ หากมาจากฝั่งปากน้ำจะใช้ทางด่วน หรือสะพานภูมิพล ให้มาลงถนนสุขสวัสดิ์ จากนั้นตรงไปทาง พระประแดง พระสมุทรเจดีย์ และป้อมพระจุลจอมเกล้า มีป้ายบอกเส้นทางบอกชัดเจน

* แหลมฟ้าผ่า เป็นตำบลหนึ่งในอำเภอพระสมุทรเจดีย์ อยู่บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยาทางฝั่งตะวันตก แต่เดิมมีลักษณะเป็นแหลม เกิดจากการทับถมของตะกอนดินที่ไหลมากับสายน้ำก่อนลงสู่ทะเล กล่าวกันว่า เป็นจุดที่เกิดฟ้าผ่าบ่อยครั้ง ทั้งนี้เชื่อว่าอาจมาจากแร่ธาตุบางอย่างที่มากับตะกอนที่แม่น้ำพัดพามา ทำให้เป็นตัวนำ ที่ทำให้ฟ้าผ่าบริเวณนี้บ่อยกว่าที่อื่นๆ (ปัจจุบันเส้นทางน้ำได้เปลี่ยนแปลงไปจนไม่มีลักษณะเป็นแหลมแล้ว)

ในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงของการสร้างบ้านแปงเมือง ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ได้มีการสร้างป้อมปราการต่างๆ เพื่อป้องกันการรุกรานจากข้าศึกศัตรูอยู่อย่างต่อเนื่อง จนมาถึงสมัยรัชกาลที่ 2 ทรงได้สร้างป้อมปราการเพิ่มเติมบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อช่วยเป็นแนวป้องกันการรุกรานทางทะเล จวบจนกระทั่งเข้าสู่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ราวต้นปี พ.ศ.2427 พระองค์ทรงเห็นว่า ขณะนั้นเป็นช่วงที่ชาติตะวันตกกำลังคืบคลานเข้าสู่ประเทศแถบเอเชีย ในรูปแบบของการล่าอาณานิคม** ไทยเองควรเตรียมความพร้อมไว้ทุกด้าน ทรงเล็งเห็นว่าบริเวณปากแม่น้ำฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ในตำบลแหลมฟ้าผ่า มีชัยภูมิที่เหมาะกับการสร้างป้อมปืน จึงโปรดเกล้า ให้สร้างป้อมแห่งใหม่ขึ้นอีกหนึ่งป้อม ทั้งยังจัดซื้อศาสตราวุธยุทธภัณฑ์ที่ทันสมัยที่สุดไว้ประจำป้อม จากนั้นได้ตั้งชื่อป้อมปราการแห่งนี้ว่า "ป้อมพระจุลจอมเกล้า"

** การล่าอาณานิคม เป็นการแผ่ขยายอำนาจของประเทศทางฝั่งตะวันตก เป็นการมองหาแผ่นดินใหม่ เพื่อนำทรัพยากรจากแผ่นดินใหม่ส่งไปยังแผ่นดินแม่ มหาอำนาจในขณะนั้นมีประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส โปรตุเกส ฮอลลันดา แต่ละประเทศจะแฝงมากับการทำการค้า โดยเข้ามาตามหัวเมืองชายทะเลที่สำคัญในประเทศแถบเอเชีย เช่น อังกฤษไปขึ้นฝั่งที่อินเดีย ฝรั่งเศสไปเขมร ซึ่งในขณะนั้นไทยก็เปรียบเสมือนรัฐกันชนของสองมหาอำนาจที่จะต้องเตรียมรับมือจากการรุกรานด้วยเช่นกัน

เมื่อติดตั้งปืนเสือหมอบแล้ว ในวันที่ 10 เมษายน พ.ศ.2436 รัชกาลที่ 5 ทรงเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค ทอดพระเนตรการสร้างป้อม และทำการทดสอบยิงปืนเสือหมอบ ทั้งยังพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อเร่งสร้างป้อมให้เสร็จเร็วขึ้น หลังจากที่พระองค์เสด็จมาเยือนเพียง 3 เดือน ก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า "วิกฤตการณ์ปากน้ำ" ขึ้น
 

วิกฤตการณ์ปากน้ำ (Paknam Incident)

เป็นเหตุการณ์ครั้งแรกที่ไทยสู้รบกับฝรั่งเศส ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ช่วงหัวค่ำเวลาประมาณ 18.30 น. ของวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ.2436 (ร.ศ.112) ฝรั่งเศสได้นำเรือรบ 2 ลำ คือ เรือแองกองสตอง (Inconstant)* และเรือโกแมต (Comete)** เข้ามาทางปากแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีเรือนำร่อง (เรือนำหน้าเรือรบ) เป็นเรือกลไฟชื่อ ฌองบัปติสต์เซย์ (Jean Baptiste Say) นำทางให้เรือรบทั้งสองลำเข้ามา เมื่อผ่านป้อมพระจุล ทางการไทยได้ทำการเตือนด้วยการยิงกระสุนดินเปล่าออกไป 2 นัด แต่ฝ่ายเรือรบฝรั่งเศสไม่ยอมหยุดเดินเรือ พร้อมทั้งยิงสวนกลับมา ฝ่ายไทยจึงต้องยิงตอบโต้ และเกิดการสู้รบกันขึ้นบริเวณปากแม่น้ำ โดยมีเรือรบไทยอีก 5 ลำที่จอดอยู่ในแนวปากแม่น้ำ ช่่วยยิงต่อต้าน เรือรบทั้ง 5 ลำ ได้แก่

  • เรือมกุฎราชกุมาร ระวางขับน้ำ 609 ตัน ติดปืนใหญ่(15 ซม.) 1 กระบอก, ปืนใหญ่(12 ซม.) 5 กระบอก, ปืนกล 3 กระบอก
  • เรือมูรธาวสิตสวัสดิ์ ระวางขับน้ำ 250 ตัน ติดปืนอาร์มสตรอง 70 ปอนด์ 1 กระบอก, ปืนใหญ่(10 ซม.) 4 กระบอก, ปืนกล 1 กระบอก
  • เรือหาญหักศัตรู ระวางขับน้ำ 120 ตัน ติดปืนใหญ่(15 ซม.) 1 กระบอก, ปืนใหญ่(12 ซม.) 1 กระบอก
  • เรือนฤเบนทร์บุตรี ระวางขับน้ำ 260 ตัน ติดปืนใหญ่(10 ซม.) 6 กระบอก
  • เรือทูลกระหม่อม ระวางขับน้ำ 475 ตัน ติดปืนใหญ่(10 ซม.) 6 กระบอก

* เรือแองกองสตอง (Inconstant) เป็นเรือสลุป ระวางขับน้ำ 825 ตัน ติดปืนใหญ่(14 ซม.) 3 กระบอก, ปืนใหญ่(10 ซม.) 1กระบอก, ปืนกล(37 มม.) 5 กระบอก

** เรือโกแมต (Comete) เป็นเรือปืน ระวางขับน้ำ 495 ตัน ติดปืนใหญ่(14 ซม.) 2 กระบอก, ปืนใหญ่(10 ซม.) 2 กระบอก, ปืนกล(37 มม.) 2 กระบอก

ทั้งสองฝ่ายได้ยิงต่อสู้ปะทะกัน จนเป็นผลให้เรือนำร่องของฝรั่งเศสถูกยิงเกยตื้น แต่เรือรบ 2 ลำของฝรั่งเศสสามารถแล่นฝ่าเข้าไปจนเข้าไปถึงเขตพระนคร เทียบจอดและหันปากกระบอกปืนไปทางพระบรมมหาราชวัง เพื่อเป็นการบีบบังคับทางการไทย จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทหารไทยเสียชีวิต 8 นาย บาดเจ็บ 41 นาย เรือรบทั้ง 5 ลำเสียหายเพียงเล็กน้อย ส่วนฝ่ายฝรั่งเศสเสียชีวิต 3 นาย บาดเจ็บ 3 นาย เรือนำร่องถูกยิงเกยตื้น ส่วนเรือรบอีกสองลำมีรอยถูกกระสุนปืนใหญ่ และกลายเป็นเหตุการณ์บานปลาย จนเรียกขานกันต่อมาว่าเหตุการณ์ "วิกฤตการณ์ ร.ศ.112"

ป้อมพระจุลจอมเกล้า ที่มีอายุนานกว่า 130 ปี ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของฐานทัพเรือกรุงเทพ มีเนื้อที่ประมาณ 7,000 ไร่เศษ ประกอบด้วยพื้นที่ที่เป็นเขตป่าชายเลน อาคารหน่วยงานของกองทัพเรือ ร้านอาหาร หลุมป้อมปืน พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง เรือหลวงแม่กลอง พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 อุทยานประวัติศาสตร์ทหารเรือ
 

สิ่งที่น่าสนใจภายในป้อมพระจุลจอมเกล้า

พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5

เมื่อเข้ามาถึงในบริเวณป้อมพระจุล จุดแรกที่เห็นได้เด่นชัด ควรแวะกราบสักการะเป็นจุดแรก คือ พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ตั้งอยู่ ณ บริเวณลานกว้าง ด้านหน้าของหลุมป้อมปืน บริเวณโดยรอบพระบรมรูปทำเป็นสนามหญ้า ปลูกต้นไม้ สวนหย่อม บ่อน้ำ ด้านหน้ามีศาลเล็กๆ เป็นศาลพระนเรศ - นารายณ์ บริเวณนี้ยังมีลานจอดรถกว้างขวาง​ ทางซ้ายของพระบรมรูป จัดแสดงเรือหลวงแม่กลอง ที่ปลดระวางแล้ว

พระบรมราชานุสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2536 มีลักษณะเป็นฐานสูงใหญ่แบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นแรกสร้างให้มีลักษณะเป็นป้อมกำแพง วางปืนใหญ่ประจำอยู่ทั้งข้างซ้ายและขวา พระบรมราชานุสาวรีย์มีความสูงทั้งหมด 17.50 เมตร จากชั้นล่าง มีบันไดขึ้นไปยังลานด้านบน องค์พระบรมรูปตั้งอยู่บนแท่นฐาน ในท่าประทับยืน ฉลองพระองค์เป็นชุดจอมทัพไทย พระหัตถ์ซ้ายถือกระบี่ ส่วนพระหัตถ์ขวาประคองปลายกระบี่ไว้ ขนาดพระบรมรูปสูง 4.2 เมตร (ประมาณ 2.5 เท่าของพระองค์จริง) ด้านหน้าแท่นประทับ มีสัญลักษณ์พระเกี้ยว หรือจุลมงกุฏ ซึ่งเป็นพิจิตรเลขาประจำรัชกาล บริเวณนี้ในวันปิยมหาราช (วันที่ 23 ตุลาคมของทุกปี) ทางกองทัพเรือ จะจัดพิธีวางพวงมาลาถวายการสักการะ ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ด้วย

ส่วนของใต้ฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ ยังได้สร้างเป็น "ห้องจัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์ทหารเรือ" ที่บอกเล่าประวัติความเป็นมาของป้อมพระจุล และเหตุการณ์วิกฤตการณ์ ร.ศ.112 (ติดต่อขอเข้าชมล่วงหน้า)

หลุมป้อมปืน

ป้อมพระจุลจอมเกล้า สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2427 ตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งยังพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นจำนวน 10,000 ชั่ง (หรือประมาณ 800,000 บาทในยุคนั้น) ช่วยสมทบการก่อสร้าง และการสั่งซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์อีกด้วย

หลุมปืนได้รับการออกแบบ และควบคุมการก่อสร้างโดย พระยาชลยุทธโยธินทร์* โดยก่อเป็นหลุมขนาดใหญ่คล้ายหลุมหลบภัย ก่อด้วยอิฐที่นำเข้ามาจากประเทศอังกฤษ มีลักษณะเป็นหลุมเรียงต่อเนื่องกันทั้งหมด 7 หลุม แต่ละหลุมมีปืนเสือหมอบประจำการอยู่หลุมละ 1 กระบอก มีอุโมงค์ทางเดินสูงประมาณ 2 เมตร เชื่อมต่อถึงกัน โดยแบ่งเป็นห้องพักของพลประจำปืน ห้องคลังดินปืน คลังลูกปืน ที่เก็บหัวกระสุน  

* พระยาชลยุทธโยธินทร์ หรือ อองเดร ดู เปลซี เดอ ริเชอลิเออ (Andreas du Plessis de Richelieu) หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า "กัปตันริเชอลิเออ" เป็นชาวเดนมาร์กเชื้อสายฝรั่งเศส เข้ามารับราชการในกองทัพเรือสยาม และได้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ยิงกับฝรั่งเศส ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง พลเรือตรี พระยาชลยุทธโยธินทร์

ปืนเสือหมอบ

ปืนเสือหมอบ (Disappearing Carriage) หรือ ปืนใหญ่อาร์มสตรอง เป็นปืนใหญ่ประจำป้อมพระจุลจอมเกล้า นับเป็นปืนใหญ่ชนิดบรรจุกระสุนจากด้านท้ายรุ่นแรกของไทย และเป็นอาวุธที่มีความทันสมัยมากที่สุดในขณะนั้น รัชกาลที่ 5 ทรงสั่งซื้อมาจากบริษัท เซอร์ ดับบลิวจี อาร์มสตอง (Sir W.G. Armstrong) ประเทศอังกฤษ เป็นทั้งหมด 10 กระบอก นำมาไว้ประจำหลุม ณ ป้อมพระจุล 7 กระบอก และที่เหลืออีก 3 กระบอกนำไปติดตั้งที่ป้อมผีเสื้อสมุทร

ปืนเสือหมอบ เป็นชื่อที่ได้ฉายามาจากลักษณะการยิงปืน ก่อนทำการยิงตัวกระบอกปืนจะย่อหลบอยู่ในหลุม เหมือนเสือที่หมอบซุ่มขณะคอยดักจับเหยื่อ ขณะทำการยิงตัวปืนจะยืดให้กระบอกปืนกระดกขึ้นเหนือหลุม เหมือนเสือที่พร้อมกระโจนเข้าตะครุบเหยื่อ เมื่อยิงกระสุนออกไปแล้ว ปืนจะยุบย่อตัวลงมาในหลุมปืนเหมือนเดิม ปืนเสือหมอบบางครั้งก็เรียกว่า ปืนอาร์มสตรอง ตามชื่อบริษัทที่ซื้อปืนมานั่นเอง
 

คุณสมบัติของปืนเสือหมอบ

- เป็นปืนใหญ่แบบบรรจุกระสุนด้านท้าย กระสุนเป็นชนิดแยกบรรจุ
- ควบคุมการยกตัวด้วยระบบไฮโดรนิวเมติก (Hydro-Pneumatics) โดยใช้แรงอัดอากาศ ดันน้ำมันให้ไปดันก้านสูบ ทำให้ปืนยกตัวขึ้น และลดตัวลงเมื่อผ่อนแรงดันน้ำมันลงไปถังพัก 
- ปืนติดตั้งรางหมุนบังคับ ที่หันปากกระบอกปืนไปยังเป้าหมายได้รอบทิศ เมื่อยิงแล้วก็จะยุบตัวกลับลงมายังฐานในหลุม
- ปืนมีน้ำหนักประมาณ 5 ตัน
- ปืนแต่ละกระบอกมีขนาด 152/32 มิลลิเมตร ปากกระบอกปืนมีความกว้าง 152.4 มิลลิเมตร (หรือ 6 นิ้ว) ลำกล้องปืนยาว 4.864 เมตร (คิดเป็น 32 เท่าของความกว้างปากกระบอก) รวมความยาวจากท้ายปืนถึงลำกล้อง 5.20 เมตร
- รังเพลิงกว้าง 200 มิลิเมตร
- ใช้ดินปืนที่ขนาด 10-15 กิโลเมตร
- ลูกกระสุนทำด้วยเหล็ก มีน้ำหนัก 100 ปอนด์ (ประมาณ 45 กิโลกรัม)
- สามารถยิงได้ระยะไกลประมาณ 8.046 กิโลเมตร
- แต่ละหลุมปืนมีพลประจำปืน 10 นาย (เป็นพลประจำปืน 7 นาย และพลกระสุนอีก 3 นาย)

เรือหลวงแม่กลอง

เรือหลวงแม่กลอง เป็นเรือรบที่ประจำการอยู่ในกองทัพเรือไทยมายาวนานที่สุด (พ.ศ.2480 - 2539) เป็นเวลา 59 ปี มีความเก่าแก่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากเรือ Guanajuato ของประเทศเม็กซิโก เมื่อปลดระวางแล้วนำมาจัดตั้งไว้ ณ ป้อมพระจุล เพื่อให้ประชาชน และเยาวชนทั่วไปได้เข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เรือหลวงลำนี้นอกจากจะเคยปฏิบัติภารกิจในสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพา ดูแลน่านน้ำทางทะเลไทย ยังได้เป็นเรือฝึกหรือเรือครู แก่เหล่านักเรียนนายเรือ นักเรียนจ่าทหารเรือ โดยให้ความรู้ในภาคปฏิบัติด้านการเดินเรือ การอาวุธ และยังเคยทำหน้าที่เป็นเรือพระที่นั่งให้แก่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ในคราวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงศึกษาต่อต่างประเทศอีกด้วย

เรือหลวงแม่กลองทำหน้าที่เป็นเรือสลุป* (Sloop) ต่อเรือที่อู่ต่อเรืออูรางา เมืองโยโกสุกะ ประเทศญี่ปุ่น ทำพิธีวางกระดูกงู** เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ.2479 ใช้เวลาในการต่อเรือ 4 เดือนจึงแล้วเสร็จ จากนั้นได้ทำพิธีปล่อยลงน้ำเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ในปีเดียวกัน และทำพิธีประจำการเมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2480 เรือหลวงแม่กลองได้ใช้งานเรื่อยมาเป็นระยะเวลา 59 ปี จึงปลดระวาง เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ.2539 ส่วนชื่อเรือหลวงแม่กลองนั้น ได้รับพระราชทานนามตามชื่อแม่น้ำแม่กลอง ซึ่งเป็นแม่นำ้สายสำคัญทางภาคตะวันตก ที่ไหลมาจากจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม
 

ลักษณะข้อมูลจำเพาะของเรือ

- เป็นเรือประเภท เรือสลุป (Sloop) มีความยาวตลอดลำ 74 เมตร กว้าง 10.5 เมตร
- ระวางขับน้ำปกติ*** 1,400 ตัน กินน้ำลึก 3.7 เมตร
- เครื่องจักรเป็นชนิด เครื่องจักรไอน้ำ แบบข้อเสือข้อต่อร่วมกับเครื่องกังหันไอน้ำจำนวน 2 เครื่อง มีกำลัง 2,500 แรงม้า ใช้ใบจักรคู่
- ความเร็วสูงสุด 17 นอต**** (ไมล์ทะเลต่อชั่วโมง) ประมาณ 30.6 กิโลเมตร/ชั่วโมง เมื่อใช้ความเร็วมัธยัสถ์ 8-10 นอต ปฏิบัติการได้ไกล 16,000 ไมล์ทะเล
- มีกำลังพลประจำเรือ 172 นาย
 

อาวุธประจำเรือ

- ปืนใหญ่ (120/45 มม.) 4 กระบอก
- ปืนกลต่อสู้อากาศยาน (20 มม.) 2 กระบอก
- ตอร์ปิโด (45 ซม.) แท่นคู่ 2 แท่น
- ท่อยิงลูกระเบิดลึก (แบบ 80) 2 ท่อ
- ทุ่นระเบิด (แบบ 70-80) 6 ลูก
- รางทิ้งทุ่นระเบิด 2 ราง
- พาราเวนสำหรับกวาดทุ่นระเบิด (แบบ STYPEC) 2 ชุด

* เรือสลุป (Sloop) หมายถึงเรือใบที่มี 2-3 เสา (เป็นเรือที่มีขนาดเล็กกว่าเรือฟริเกต) มักทำหน้าที่ในการคุ้มกันเรือสินค้า ลาดตระเวน ภายในเรือติดอาวุธ และสามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นเรือรบได้เช่นกัน

** กระดูกงู (Keel) เป็นชิ้นส่วนแรกของการเริ่มต่อเรือ หรือสร้างเรือลำนึงขึ้นมา เรียกได้ว่าเป็นโครงหลักของเรือ ซึ่งประกอบด้วยชิ้นที่เป็นแกนกลางหลัก (เหมือนเป็นกระดูกสันหลัง) และโครงด้านข้างแยกไปเป็นส่วนข้างของเรือ (เหมือนกระดูกซี่โครง) ซึ่งโครงทั้งหมดนี้เป็นส่วนสำคัญที่สุด แข็งแรงที่สุด เพราะจะต้องรับน้ำหนักทั้งหมดของเรือไว้ โครงเรือนี้มีลักษณะเหมือนกระดูกสันหลังของงู ไทยเราจึงเรียกตามที่เห็นว่า "กระดูกงู" ซึ่งชาวเรือโบราณมักจะมีพิธีวางกระดูกงู (เหมือนกับพิธีตั้งเสาเอกในการสร้างบ้าน) เพื่อความเป็นสิริมงคล และความเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ จะช่วยคุ้มครองผู้ที่ใช้เรือลำนั้นๆ ด้วย

*** ระวางขับน้ำ (Displacement Tonnage) เป็นหน่วยที่ใช้วัดขนาดของเรือ (หน่วยเป็นตัน) นิยมใช้กับการบอกขนาดเรือรบ เป็นการใช้น้ำหนักส่วนที่เรือจมลงไปใต้น้ำมาแทนค่าปริมาตรเรือเพื่อหาขนาด หากเป็นค่าระวางขับน้ำสูงสุด นั่นหมายถึง น้ำหนักของเรือ รวมกับสิ่งของที่บรรทุกอยู่บนเรือทั้งหมด เช่น น้ำมัน เสบียง อาวุธ และสินค้าที่บรรทุกในระดับสูงสุด ที่วัดได้ ณ เส้น Summer Loadline เราสามารถเปรียบเทียบขนาดของเรือรบชนิดต่างๆ ได้ เช่น เรือหลวงจักรีนเบศร มีขนาด (ระวางขับน้ำเต็มที่) 11,544 ตัน ซึ่งยังถือว่าเล็กกว่าเรือประจัญบานยามาโตะของญี่ปุ่นที่มีขนาด (เต็มที่) 71,659 ตัน เป็นต้น

**** นอต (knot) เป็นหน่วยวัดอัตราความเร็วในการเคลื่อนที่ทางน้ำ (ใช้ในการเดินเรือและการบิน) โดยความเร็ว 1 นอต = 1 ไมล์ทะเลต่อชั่วโมง ซึ่งจากการคำนวนระยะทางในทะเลจะไม่เท่ากับการหาระยะทางบนบก เพราะจะต้องใช้เส้นรอบวงของโลก และองศามาคิดคำนวนด้วย จึงทำให้ไมล์ทะเลยาวกว่าไมล์บนบก (ระยะทาง 1 ไมล์ทะเล = 1.8 กิโลเมตร)

พิพิธภัณฑ์เรือหลวงแม่กลอง เป็นพิพิธภัณฑ์เรือกลางแจ้งลำแรกของไทย หลังจากปลดระวางแล้ว ได้นำมาตั้งให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชมบนเรือและในเรือได้ เรือตั้งอยู่บนลานโล่ง ด้านข้างพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 โดยหันหน้าออกสู่ปากอ่าวไทย หัวเรือประดับครุฑ* ส่วนบริเวณท้ายเรือมีใบพัดเรือวางประกบอยู่ ด้านข้างเรือ มีบันไดทางขึ้นไปบนเรือได้  

ด้านบนเรือหลวงแม่กลอง สามารถเดินชมได้ทั่ว หัวเรือจะประดับธงราชนาวีไทย** ภายในจัดวางอาวุธยุทโธปกรณ์ไว้ตามตำแหน่งการใช้งานจริง ส่วนของเรือประกอบด้วย หอบังคับการ ห้องนอน ห้องครัว อุปกรณ์การครัว หม้อหุงข้าว โต๊ะเก้าอี้รับประทานอาหาร ทั้งนี้เพื่อให้จินตนาการได้ถึงการใช้ชีวิตของลูกเรือขณะปฏิบัติหน้าที่อยู่บนเรือ

* ครุฑ หรือพระครุฑพ่าห์ ที่ติดอยู่บนหัวเรือของเรือหลวงแม่กลองนั้น เป็นเสมือนตราอาร์ม (arm) หรือตราแผ่นดิน ที่เป็นสัญลักษณ์ของพระมหากษัตริย์ เป็นเครื่องหมายประจำชาติที่แสดงถึงอำนาจของชาติไทย ในขณะที่ออกไปสู่น่านน้ำต่างชาติ ทั้งยังเป็นประเพณีปฏิบัติของชาวเรือ ที่จะติดรูปครุฑที่หัวเรือรบขนาดใหญ่ ตามความเชื่อในเรื่องการคุ้มครอง ปกป้องจากศัตรู และได้รับชัยชนะกลับมา

** ธงราชนาวีไทย เป็นธงที่แสดงเครื่องหมายว่า เรือหรือสถานที่นั้นๆ ขึ้นตรงกับกระทรวงทหารเรือ (ต่อมาได้กลายเป็นกระทรวงกลาโหม) เป็นธงที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบล่าสุดเมื่อปี พ.ศ.2460 และใช้มาจนถึงปัจจุบัน โดยมีลักษณะพื้นหลังเหมือนธงไตรรงค์ มีแถบสีแดง ขาว น้ำเงิน แบบธงชาติไทยปกติ แต่ตรงกลางธง มีวงกลมสีแดงขนาดใหญ่ ภายในมีรูปช้างเผือกทรงเครื่องยืนแท่น หันหน้าเข้าหาเสาธง


ข้อแนะนำในการขึ้นชมเรือหลวงแม่กลอง

- การเดินชมบนเรือ จะมีลูกศรให้เดินชมตามทิศทางที่ระบุ
- เพื่อความปลอดภัย ควรทำตามคำแนะนำในการขึ้นชมบนเรือ ไม่ปีนป่าย หรือหยอกล้อที่อาจทำให้เกิดอันตราย
- หากมีเด็กเล็ก ควรอยู่ในความดูแลของผู้ปกครองอย่างใกล้ชิด
- ไม่ขีดเขียน หรือทำลายสิ่งของของทางราชการ
- บริเวณหัวเรือมีจุดที่ห้ามเข้าเพื่อเป็นพื้นที่สักการะแม่ย่านางเรือ

อุทยานประวัติศาสตร์ทหารเรือ

อุทยานประวัติศาสตร์ทหารเรือ ตั้งอยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามร้านอาหารสโมสรท้ายเรือหลวงแม่กลอง มีการจัดแสดงอาวุธต่างๆ ทั้งบริเวณสวนด้านข้างอาคาร และส่วนที่อยู่ภายในอาคารนิทรรศการ ด้านในตัวอาคารจัดแสดงเกี่ยวกับการพัฒนาของกองทัพเรือ การสู้รบและความเสียหายที่เกิดขึ้น

การจัดการแสดงกลางแจ้งรอบนอกอาคาร เป็นจัดวางอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่แสดงถึงวิวัฒนาการด้านอาวุธในการป้องกันประเทศ โดยแบ่งเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่

- กลุ่มปืนเสือหมอบ ซึ่งเป็นปืนรุ่นแรกที่บรรจุทางท้ายกระบอก และเป็นอาวุธปืนหลุมที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในช่วง ร.ศ.112
- กลุ่มปืนและอาวุธสมัยรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6
- กลุ่มปืนและอาวุธในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1, 2 ยุทธนาวีที่เกาะช้าง
- กลุ่มปืนและอาวุธที่กองทัพเรือใช้ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงปัจจุบัน
- การจัดแสดงสิ่งก่อสร้างและส่วนประกอบต่างๆ ของเรือ

มีสิ่งที่จัดวางไว้ให้ชมหลายอย่างเช่น ปืนแกตลิ่งโบราณ ขนาด 37 มม. ตอร์ปิโด ป้อมปืนใหญ่ประจำเรือ ปล่องไฟเรือหลวงพระร่วง เป็นต้น

โรงเรียนศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน

เป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่อยู่ภายในพื้นที่เขตป้อมพระจุล เดินเที่ยวชมธรรมชาติบนสะพานไม้ระแนงที่ตัดผ่านเข้าไปในเขตป่าชายเลน ระยะทางไม่ไกลมาก พอให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ระบบนิเวศ สิ่งมีชีวิต และพืชพรรณต่างๆ

ในปี พ.ศ.2550 กองทัพเรือ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ และการไฟฟ้านครหลวง ได้สนับสนุนงบประมาณการสร้างสะพานไม้เป็นระยะทาง 300 เมตร เข้าไปในป่าชายเลนบริเวณป้อมพระจุล ทางเข้ามีรูปปั้นปูก้ามดาบตัวโต คอยต้อนรับประจำการอยู่ด้านหน้า เส้นทางเดินเป็นไม้ระแนง มีรั้วกันตกทั้ง 2 ด้าน เป็นเส้นทางภายใต้ร่มเงาไม้ร่มรื่น เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ เรื่องของพืชในแถบป่าชายเลน ที่ให้สิ่งมีชีวิตต่างๆ ได้อาศัยประโยชน์ในการหลบภัย อนุบาลตัวอ่อน พรรณไม้ต่างๆ ที่พบได้ในบริเวณนี้ได้แก่ โกงกาง โพทะเล ลำพู ลำแพน ต้นเหงือกปลาหมอ ส่วนสัตว์ที่อาศัยอยู่ในเขตป่าชายเลน เช่น ปลาตีน ปูก้ามดาบ ปูลม นอกจากนี้ยังเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของนกนานาชนิด เช่น นกนางนวล นกกระยาง เป็นต้น

ร้านอาหารสโมสรท้ายเรือหลวงแม่กลอง

เป็นร้านอาหารริมทะเลอยู่ในบริเวณป้อมพระจุลฯ​ ใกล้กับจุดท่องเที่ยวหลายแห่งบริเวณนี้
เวลาเปิด 10.00 - 22.00 น.
โทร. 02-475-6076, 02-453-7818, 081-936-3045

ข้อแนะนำ

- ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าชมสถานที่
- การผ่านเข้าสู่ป้อมพระจุลฯ นั้นจะต้องลดกระจก และแลกบัตรเพื่อผ่านเข้าไปในเขตทหาร
- การเข้าชมห้องนิทรรศการบริเวณใต้ฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 จะต้องขออนุญาตล่วงหน้าในการเข้าชม ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ ฝ่ายกิจการพลเรือน ป้อมพระจุลฯ (โทร. 02-475-6073)

การเดินทาง

ห่างจากพระสมุทรเจดีย์   7 กิโลเมตร  
ห่างจากอำเภอพระประแดง   18 กิโลเมตร
ห่างจากวัดสาขลา   13 กิโลเมตร
 

เส้นทางรถยนต์

เส้นทาง ถนนสุขสวัสดิ์ -> เลี้ยวขวาแยกพระสมุทรเจดีย์ (หอนาฬิกา) -> ป้อมพระจุลจอมเกล้า

1 ใช้เส้นทางถนนสุขสวัสดิ์ มุ่งหน้าพระประแดง -> ป้อมพระจุลจอมเกล้า ตรงตามเส้นทางไปเรื่อยๆ เมื่อถึงสามแยกพระสมุทรเจดีย์ (ตรงที่มีหอนาฬิกา) จะมีป้ายเลี้ยวขวาไปป้อมพระจุลจอมเกล้า
2 เลี้ยวขวาตามป้ายบอกทาง จากนั้นตรงไปตลอดจนสุดทาง (อีกประมาณ 7 กิโลเมตร) จะเป็นทางเข้าป้อมพระจุลจอมเกล้า
3 แลกบัตรตรงประตูทางเข้า แล้วตรงตามป้ายบอกทางไปยังบริเวณป้อมพระจุล

* หากใช้ทางด่วนเฉลิมมหานคร ตามป้ายบอกทางดาวคะนอง พอข้ามสะพานพระราม 9 (สะพานแขวน) แล้วชิดซ้ายเพื่อออกถนนสุขสวัสดิ์ เมื่อเข้าสู่ถนนสุขสวัสดิ์แล้ว ตรงตามป้ายบอกทาง ป้อมพระจุลจอมเกล้า

** หากใช้วงแหวนอุตสาหกรรม สะพานภูมิพล (จากถนนปู่เจ้าสมิงพราย หรือ ถนนพระราม 3) ตามป้ายบอกทางลงถนนสุขสวัสดิ์ (พระประแดง) จากนั้นตรงตามป้ายบอกทาง ป้อมพระจุลจอมเกล้า

*** หากใช้ถนนวงแหวนรอบนอก กาญจนาภิเษก (จากฝั่งตะวันออก หรือ ฝั่งตะวันตก) ตามป้ายทางออกถนนสุขสวัสดิ์ (พระสมุทรเจดีย์) เมื่อเข้าสู่ถนนสุขสวัสดิ์แล้ว ตรงตามป้ายบอกทาง ป้อมพระจุลจอมเกล้าไปเรื่อยๆ

 

รถโดยสารประจำทาง (ดูรายละเอียด รถโดยสารประจำทาง)

รถเมล์

- หากขึ้นรถเมล์สาย ปอ.20 (ท่าน้ำดินแดง - พระสมุทรเจดีย์) ลงสุดสายที่ท่าเรือพระสมุทรเจดีย์ จากนั้นต่อรถสองแถวใหญ่หกล้อ สายเจดีย์ - ป้อมพระจุล (ตรงบริเวณนี้มีสองแถวหลายสาย ดูตามป้ายข้างรถ หรือถามคนขับ)

- หากขึ้นรถเมล์สาย ปอ.140 (ทางด่วน), ปอ.142 (ทางด่วน) พอลงจากทางด่วนแล้ว ให้ลงรถเมล์ป้ายแรก แล้วต่อรถเมล์สาย ปอ.20 (ให้ขึ้นเฉพาะรถใหญ่ รถมินิบัสจะไปไม่ถึง) ไปสุดสายที่พระสมุทรเจดีย์ จากนั้นต่อสองแถวใหญ่หกล้อ สายเจดีย์ - ป้อมพระจุล

สาย ปอ. 20 ท่าดินแดง - พระสมุทรเจดีย์ (รถแอร์ ยูโรสีส้ม)

เส้นทางเดินรถ: ท่าน้ำท่าดินแดง - ถนนลาดหญ้า - วงเวียนใหญ่ - ตลาดวงเวียนใหญ่ - แยกตากสิน - แยกมไหศวรรย์ - บิ๊กซีดาวคะนอง - บางปะแก้ว - บิ๊กซีบางปะกอก - โรงพยาบาลบางปะกอก 1 - แยกประชาอุทิศ - ถนนสุขสวัสดิ์ - กม.9(ลงทางด่วน) - แยกวัดสน - แยกพระประแดง - บิ๊กซีสุขสวัสดิ์(บิ๊กซีพระประแดง) - โรงเรียนราชประชาสมาสัย - วัดใหญ่ - สามแยกพระสมุทรเจดีย์(หอนาฬิกา) - ท่าน้ำพระสมุทรเจดีย์

** สาย 20 ที่เป็นรถมินิบัส (รถร้อน) จะสุดที่บิ๊กซีพระประแดง ไปไม่ถึงพระสมุทรเจดีย์ หากนั่งสายนี้มา ให้ลงรถที่บิ๊กซี แล้วต่อรถสองแถวใหญ่ สายพระประแดง - พระสมุทรเจดีย์
 

ข้อแนะนำ

- รถแอร์ สาย ปอ.20 จะมีรถเสริมพิเศษ (อาจมีเพียงไม่กี่คัน) ที่วิ่งเฉพาะวันธรรมดารอบเช้าและเย็น (6.00 น. หรือ 7.00 น.) จากท่าดินแดง ไปสุดสายที่ป้อมพระจุลเกล้า​ (สำหรับรับส่งเจ้าหน้าที่ทหารเรือที่ทำงานในป้อมพระจุล)

- รถสองแถวใหญ่ สายเจดีย์ - ป้อมพระจุล ให้บริการช่วง 6.00 - 16.00 น. (รถหมดค่อนข้างเร็ว ควรสอบถามเวลาเดินรถที่แน่นอนจากคนขับอีกครั้ง หลังจากรถหมดแล้ว จะค่อนข้างลำบากในหารถกลับออกมา)

 

รถตู้ (ดูรายละเอียด รถตู้)

- นั่งรถตู้สาย บางปะแก้ว - พระสมุทรเจดีย์ (คิวรถอยู่แถวตลาดบางปะกอก ช่วงแยกพระราม 2)
- จากนั้นต่อรถสองแถวหกล้อ สายเจดีย์ - ป้อมพระจุล ตรงบริเวณท่าเรือพระสมุทรเจดีย์

 

เรือข้ามฟาก (ดูรายละเอียด เรือข้ามฟาก)

ท่าเรือวิบูลย์ศรี (ตลาดปากน้ำ) - ท่าพระสมุทรเจดีย์

- นั่งเรือข้ามฟากจากตัวเมืองปากน้ำ (ท่าเรือวิบูลย์ศรี) ตรงตลาดปากน้ำ มาขึ้นท่าพระสมุทรเจดีย์
- ออกจากท่าเรือแล้ว ต่อรถสองแถวใหญ่หกล้อ สายเจดีย์ - ป้อมพระจุล (รถจอดแถวบริเวณท่าน้ำ)

ท่าเรือเภตรา (ปู่เจ้าสมิงพราย) - ท่าพระประแดง

- นั่งเรือข้ามฟากจากท่าเรือเภตรา ตรงสุดถนนปู่เจ้าสมิงพราย มาขึ้นฝั่งที่ท่าพระประแดง
- จากนั้นขึ้นรถสองแถวใหญ่หกล้อ สายพระประแดง - พระสมุทรเจดีย์ (ขึ้นแถวท่าน้ำได้เลย) ไปลงสุดสาย แล้วต่อรถสองแถวใหญ่ สายเจดีย์ - ป้อมพระจุล (คิวรถอยู่บริเวณท่าน้ำ)

 

เวลาเปิด 8.00 - 20.00 น.

ที่อยู่ ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ 10290
โทร. 061-676-7843

ข้อมูลจากแหล่งอื่น และ รีวิว Pantip :12

แผนที่

แสดงร้านอาหารใกล้เคียง
สถานที่เที่ยวใกล้เคียง
ห่างออกไป ประมาณ: 2.9 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
วัดอโศการาม เป็นวัดที่มีความสำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่ศึกษาและปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานตามแนวทางของท่านพ่อลี ธัมมธโร ภายในวัดมีพระธุตังคเจดีย์ เป็นเจดีย์องค์แรกและองค์เดียวในประเทศไทย ที่ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และอรหันตธาตุของพระพระธุดงค์กรรมฐานในสายของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จึงเป็นปูชนียสถานองค์สำคัญ ที่ควรแห่งการกราบสักการะบูชา เพื่อระลึกถึงองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า และอริยสงฆ์ผู้เป็นครูบาอาจารย์ นอกจากนี้พระธุตังคเจดีย์ ยังแสดงความหมายของ ธุดงควัตร ที่เป็นข้อปฏิบัติสำหรับผู้ที่ต้องการขัดเกลากิเลส โดยเฉพาะผู้ที่ปฏิบัติภาวนาในสายกรรมฐาน การเดินทางไปยังวัดมีเส้นทางไม่ยุ่งยากซับซ้อน อยู่ใกล้เมือง และสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง
ห่างออกไป ประมาณ: 4.1 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ สถานที่ท่องเที่ยวในตำนานที่เป็นความทรงจำในวัยเด็กของหลายๆ คน สถานที่ท่องเที่ยวฮิตติดอันดับต้นๆ ของจังหวัดสมุทรปราการมานาน และเป็นหนึ่งในฟาร์มจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สถานที่สร้างความสุขให้กับครอบครัวในวันหยุด ไฮไล์ของที่นี่คือการแสดงโชว์การจับจระเข้ด้วยมือเปล่า การแสดงช้าง ให้อาหารสัตว์ ถ่ายรูปกับสัตว์ เช่นเสือ ลิงชิมแปนซี และการเดินดูสัตว์อื่นๆ การเดินทางมายังฟาร์มจระเข้ไม่ยาก มีหลายเส้นทาง มีป้ายบอกเป็นระยะๆ หากไม่มีรถส่วนตัว ก็มีรถประจำทางเข้ามาถึงหน้าฟาร์มจระเข้เลย
ห่างออกไป ประมาณ: 4.3 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
เมืองโบราณ เป็นสถานที่เที่ยวสุดคลาสสิค พิพิธภัณฑ์มีชีวิตที่แสดงงานศิลปะกลางแจ้งขนาดใหญ่ บอกเล่าความเป็นตัวตนของคนไทย ผ่านชิ้นงานรังสรรค์อันปราณีต ประดิษฐ์โบราณสถานสถานที่สำคัญ รวมถึงศิลปะวัฒนธรรมเก่าแก่จากทุกมุมของประเทศ จำลองไว้ให้รุ่นลูกหลาน ได้เห็น รู้จัก ศึกษาเรียนรู้ และรักความเป็นไทยมากขึ้น
ห่างออกไป ประมาณ: 4.7 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ศาลเจ้าเสียนหลอไต้เทียนกง หรือ ศาลเจ้าห้าพระองค์ หรือ ศาลเจ้ามูลนิธิธรรมกตัญญู ศาลเจ้าขนาดใหญ่ที่มีสถาปัตยกรรมและประติมากรรมจีนสวยงาม ชมสิงโตคู่แกะสลักขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพดานศาลเจ้าประดับไม้แกะสลักลวดลายวิจิตรตระการตา กราบสักการะเทพเจ้า 5 พระองค์ (โหงวหวังเอี้ย) และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เพื่อความเป็นสิริมงคล ขอพร เสริมดวงชะตา แก้ชง นอกจากนี้ช่วงเทศกาลตรุษจีน* และเทศกาลหยวนเซียว** ของทุกปี จะมีการจัดงานเทศกาลประดับโคมไฟในรูปต่างๆ กว่าห้าพันดวง
ห่างออกไป ประมาณ: 6.1 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
บ้านขุนสมุทรจีน ชุมชนริมชายฝั่งอ่าวไทย ในตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ ที่เที่ยวเชิงศึกษาวิถีชีวิตชุมชน และธรรมชาติริมชายฝั่งทะเลอ่าวไทย เหมาะกับการพักผ่อน พักใจ หลบหลีกจากความวุ่นวายในเมือง ให้ดีควรจองโฮมสเตย์นอนสักคืน ใช้ชีวิตแบบอยู่ง่าย กินง่าย ได้สัมผัสธรรมชาติ เดินเล่นกินลม ชมป่าชายเลน งมหอย กินปู (ตามฤดูกาล) ดูปลา ชมวัดขุนสมุทรจีน วัดกลางทะเล ที่ยังคงอยู่คู่ชุมชน แม้จะโดนน้ำทะเลเซาะแผ่นดินหายไปทีละน้อย
ห่างออกไป ประมาณ: 6.4 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ป้อมผีเสื้อสมุทร (Phi Seur Samut Fort) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของชาติ ตั้งอยู่ในอำเภอพระสมุทรเจดีย์ ป้อมปืนเก่าแก่เกือบ 200 ปี มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 ที่ยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานได้เรียนรู้สถานที่จริงทางประวัติศาสตร์ ศึกษาระบบนิเวศริมชายฝั่งแม่น้ำ ทั้งยังได้เดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ ชมธรรมชาติ ชมค้างคาวแม่ไก่เกาะตามยอดไม้ ป้อมผีเสื้อสมุทรตั้งอยู่ในบริเวณที่รถยนต์เข้าไม่ถึง ต้องเดินจากองค์พระสมุทรเจดีย์ไป ซึ่งอยู่ในระยะไม่ไกลมากนัก หากจะนำจักรยานไปด้วยก็ไม่ลำบาก
ห่างออกไป ประมาณ: 6.4 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรปราการ (Samutprakan City Pillar Shrine) หรือศาลเจ้าพ่อหลักเมืองปากน้ำ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่เคารพสักการะ เลื่อมใสศรัทธาของชาวเมืองสมุทรปราการ มีความผสมผสานทางวัฒนธรรม โดยมีเจ้าพ่อผู้คุ้มครองเมืองตามรูปแบบจีน และมีเสาหลักเมืองตามความเชื่อแบบพราหมณ์ฮินดู ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองตั้งอยู่ในเขตชุมชนเมืองปากน้ำ สามารถโดยสารรถประจำทางได้สะดวก
ห่างออกไป ประมาณ: 6.9 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
อุทยานการเรียนรู้ และหอชมเมืองสมุทรปราการ แลนด์มาร์คกลางเมืองสมุทรปราการ ศูนย์กลางข้อมูลเกี่ยวกับจังหวัดในทุกด้าน และจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแหล่งใหม่ ที่จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชม ภายในอาคารประกอบด้วยส่วนนิทรรศการ รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองสมุทรปราการไว้ทั้งหมด บนสุดเป็นหอคอย เป็นจุดสำหรับขึ้นชมทัศนียภาพเมือง มองเห็นลำน้ำเจ้าพระยา ไปจนถึงทะเลปากอ่าวไทย พื้นที่สีเขียวของบางกะเจ้า พระสมุทรเจดีย์ ป้อมผีเสื้อสมุทร ป้อมพระจุลจอมเกล้า พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ
ห่างออกไป ประมาณ: 7 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
พระสมุทรเจดีย์ หรือพระเจดีย์กลางน้ำ* ปูชนียสถานเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง มีมาตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ 2 เป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัดสมุทรปราการ ศูนย์รวมแห่งจิตใจและจิตวิญญานของชาวปากน้ำ มีประวัติความเป็นมายาวนาน และเป็นเจดีย์ที่มีพระเจ้าแผ่นดิน 4 รัชกาลช่วยกันปรับปรุง ทำนุบำรุงรักษา จนได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ที่มีความผสมผสานทางสถาปัตยกรรมทั้งไทย จีน ยุโรป บริเวณองค์พระสมุทรเจดีย์จะมีงานเฉลิมฉลองประจำปีที่ยิ่งใหญ่ทุกปี งานแห่ผ้าห่มองค์พระเจดีย์ ที่มีมานานกว่า 180 ปี การเดินทางไปยังพระสมุทรเจดีย์สะดวก ทั้งรถยนต์ รถโดยสารประจำทาง และเรือข้ามฟาก
ห่างออกไป ประมาณ: 8 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
สถานตากอากาศบางปู สถานพักผ่อนหย่อนใจที่ได้รับความนิยมมานานกว่า 80 ปี เป็นที่รู้กันว่าเป็นจุดชมทะเลที่ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุด ได้พักผ่อนกินลม ชมวิวธรรมชาติ เดินเล่นยามเย็น ดูพระอาทิตย์ตก และจุดชมฝูงนกนางนวลอพยพกลุ่มใหญ่ที่สุดอีกด้วย (มาตามฤดูกาล) บริเวณนี้มีร้านอาหารบรรยากาศทะเล ร้านขายของ ขนม ลานจอดรถสะดวก (ชายทะเลบริเวณนี้ ไม่มีหาดทราย และลงเล่นน้ำไม่ได้) การเดินทางมาบางปู หาง่าย เส้นทางไม่ซับซ้อน
ห่างออกไป ประมาณ: 8 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ เป็นแหล่งรวบรวมและอนุรักษ์ อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ในกิจการทหารเรือ ที่เคยใช้งานจริงในกองทัพเรือไทย ทั้งยังจัดแสดงข้อมูลทางประวัติศาสตร์ เรือจำลองสมัยต่างๆ เพื่อเป็นการให้ความรู้ บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เหมาะกับการพาครอบครัวมาเที่ยวชมในวันหยุด นักเรียนนักศึกษามาทัศนศึกษา เป็นการได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท เดินทางสะดวก มาโดยรถโดยสารก็ไม่ยุ่งยาก มีรถเมล์ผ่านหน้าพิพิธภัณฑ์หลายสาย
ห่างออกไป ประมาณ: 9 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
วัดสาขลา วัดเก่าแก่ศูนย์รวมจิตใจของชุมชนบ้านสาขลา ตั้งอยู่ในอำเภอพระสมุทรเจดีย์ เป็นสถานที่เที่ยวชม พักผ่อน ได้ความรู้ ชมพระปรางค์เอน กราบสักการะหลวงพ่อโต รับรู้เรื่องราวความเป็นมาของวัดผ่านพิพิธภัณฑ์ ที่เป็นแหล่งรวบรวมความรู้ ชมวัตถุโบราณมากมาย จากนั้นเดินช้อปของฝากจากตลาดชุมชน มีผลิตภัณฑ์ชุมชนต้นตำรับ "กุ้งเหยียด" หนึ่งเดียวไม่เหมือนใคร การเดินทางมาวัดไม่ยาก รถยนต์เข้าได้ไม่ลำบาก และมีรถประจำทางเข้าถึง
ร้านอาหารใกล้เคียง
ห่างออกไป ประมาณ: 0.2 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ร้านสโมสรท้ายเรือหลวงแม่กลอง เป็นร้านอาหารเก่าแก่ที่มีมานานนับ 10 ปี อยู่ในบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้า หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ของอำเภอพระสมุทรเจดีย์ ร้านติดทะเลปากอ่าว บรรยากาศดี เห็นวิวปากแม่น้ำ ได้เดินเที่ยวชมเรือหลวงแม่กลอง ป้อมปืนเสือหมอบ พร้อมทั้งสามารถสักการะพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 นั่งพักผ่อนทานอาหาร ในราคามาตรฐาน เหมาะกับมากับครอบครัวในวันหยุด นัดเที่ยวกับกลุ่มเพื่อน แล้วแวะทานข้าวก่อนกลับ การเดินทางควรมีรถยนต์ส่วนตัว
ห่างออกไป ประมาณ: 3 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ร้านอ่าวบางปู ร้านอาหารบรรยากาศริมทะเลบางปู หรืออยู่ในย่านที่เรียกว่า บางแสน ไม่ไกลจากตัวเมืองปากน้ำ ร้านบรรยากาศรับลมทะเลธรรมชาติ สามารถเดินชมทะเลกว่าง เห็นวิวพระอาทิตย์ตก นั่งสบายๆ สไตล์เป็นกันเอง ไม่เน้นหรูหรา ร้านอยู่ติดกับถนนริมเขื่อนเลียบทะเล (เป็นถนนเล็กๆ คั่นระหว่างร้านกับชายทะเล) ร้านกว้างขวาง มีที่จอดรถสะดวก
ห่างออกไป ประมาณ: 3.1 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ร้านสายลม บางปู ร้านดังย่านบางปู (บางแสน 2) บรรยากาศริมทะเลปากอ่าวไทย ลมเย็นสบาย ร้านกว้างขวาง รองรับคนได้เยอะ มีที่ให้เดินเล่น ร้านตกแต่งสวยงามแปลกตา ออกสไตล์อาร์ต บวกกับความโรแมนติก เหมาะกับการหาที่ทานข้าวกับครอบครัว กับแฟน หรือกลุ่มเพื่อน มีมุมสวยๆ ของเก๋ๆ ให้ถ่ายรูปมากมาย ที่จอดรถสะดวก เดินทางมาง่าย หาไม่ยาก
ห่างออกไป ประมาณ: 3.7 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ร้านโพธิ์ทะเล ร้านอาหารเก่าแก่ย่านบางปูเปิดให้บริการมานานกว่า 10 ปี เป็นร้านใหญ่ ติดริมทะเลปากอ่าวไทย บรรยากาศสบายๆ ดูง่ายๆ สไตล์เป็นกันเอง ไม่หรูมาก นั่งรับลมทะเลใต้ร่มเงาไม้ได้เรื่อยๆ ชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น ร้านอยู่ในซอยติดกับวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ และไมอามี่ เบย์ไซด์ หาไม่ยาก มีที่จอดรถ หากมารถยนต์ส่วนตัวจะสะดวกกว่า เพราะต้องเข้าซอย
ห่างออกไป ประมาณ: 4.1 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ร้านครัวบุญเลิศ เป็นร้านอาหารที่เป็นหนึ่งในร้านโปรดของหลายๆ คน ร้านมีขนาดกว้างขวาง เหมาะกับการรวมพล นัดพบปะ ทานข้าวกับครอบครัว นั่งสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนๆ จัดปาร์ตี้ งานเลี้ยง งานวันเกิด รับปริญญา งานบริษัท รวมถึงการจัดงานแต่งงานแบบครบวงจร ทางร้านมีที่จอดรถค่อนข้างกว้าง ให้บริการอาหารหลากหลาย มีดนตรีสด ห้องส่วนตัว ห้องคาราโอเกะ ร้านหาง่าย การเดินทางสะดวก เพราะอยู่ติดถนนใหญ่ และมีรถโดยสารสองแถวผ่านหลายสาย
ห่างออกไป ประมาณ: 4.4 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ร้านอาหารและกาแฟแม่คูซีน เป็นร้านอาหารเล็กๆ บรรยากาศริมทะเลปากอ่าวไทย บริเวณบางปู นั่งกินลม ชมพระอาทิตย์ตก นั่งได้สบายๆ รับลมธรรมชาติ ร้านจัดแต่งในสไตล์เท่ๆ ด้วยการนำของเก่ามาตกแต่งใหม่ แนวเอาใจวัยรุ่น และคนชอบถ่ายรูป เป็นร้านทานข้าวกับครอบครัว นั่งทานข้าวชิลๆ กับเพื่อน หรือชมทะเลกับคนรัก บริเวณร้านมีที่ให้เดินเล่นชมวิว ร้านหาไม่ยาก แต่หากไม่มีรถส่วนตัวอาจไม่ค่อยสะดวก เพราะต้องเข้าซอย
ห่างออกไป ประมาณ: 4.9 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ครัวปูหลน ร้านอาหารดังสมุทรปราการฝั่งพระประแดง ที่คนพื้นที่รู้จักกันดี อยู่ในเขตแหลมฟ้าผ่า ใกล้ที่ว่าการอำเภอพระสมุทรเจดีย์ ร้านบรรยากาศชายทุ่ง ริมบึง นั่งลมโกรก เย็นสบาย ราคาไม่แพง ขับรถแยกจากถนนสายหลักเข้าไปตามเส้นทางไปวัดสาขลา และวัดขุนสมุทรจีน สะดวกสำหรับคนมีรถ หน้าร้านมีที่จอดรถริมทาง
ห่างออกไป ประมาณ: 5.1 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ครัวโพธิ์ทะเล เป็นร้านอาหารบรรยากาศสบายๆ ในตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ ร้านนี้เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เน้นอาหารซีฟู้ดสดใหม่ ราคาเป็นกันเอง ลักษณะ ร้านเป็นแบบง่ายๆ สบายๆ สไตล์ริมบ่อกุ้ง บึงปลา รับลมธรรมชาติ นั่งชมวังกุ้ง วังปลา อยู่ริมทางไปวัดสาขลา เข้าทางเทศบาลตำบลแหลมฟ้าผ่า สะดวกสำหรับคนที่มีรถยนต์ส่วนตัว
ห่างออกไป ประมาณ: 6 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ภัตตาคารชมทะเล ง้วนเฮง หนึ่งในร้านอาหารริมทะเลแถบบางปู เป็นที่รู้จักมานานกว่าสิบปี ห้องอาหารสไตล์ภัตตาคาร ราคามาตรฐาน เห็นวิวทะเลและพระอาทิตย์ตก เหมาะกับรับประทานอาหารกับครอบครัว สังสรรค์กับเพื่อนฝูง ทางร้านมีห้องจัดเลี้ยงมากมายหลายขนาด ส่วนใหญ่จึงนิยมมาจัดงาน จัดปาร์ตี้ งานเลี้ยงรุ่น ประชุมสัมมนา จัดงานวันเกิด งานแต่งงาน การเดินทางมาที่ร้านหาไม่ยาก มีป้ายบอกชัดเจน อยู่ไม่ไกลจากสถานตากอากาศบางปู
ห่างออกไป ประมาณ: 7.3 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ร้านริมเขื่อน เป็นร้านอาหารที่คนปากน้ำมักจะแนะนำบอกต่อ ร้านอยู่ในย่านตัวเมืองปากน้ำ ที่อยู่ริมถนนในซอย ไม่ได้อยู่ริมเขื่อนหรือริมน้ำเหมือนชื่อแต่อย่างใด ลักษณะร้านจัดวางแบบง่ายๆ (สไตล์ร้านข้าวต้มรอบดึก) เอาใจคนชอบทานซีฟู้ด และคนที่ชอบทานอาหารราคาประหยัด ได้รสชาติอาหารถูกปาก โดยไม่เน้นบรรยากาศ หรือความหรูหรา ​ทางร้านเปิดขายตั้งแต่ช่วงบ่าย ไปจนถึงดึก เหมาะกับการมานั่งทานหลังเลิกงาน หรือทานอาหารเย็นกับครอบครัว ร้านหาไม่ยาก อยู่ใกล้แยกศาลากลาง มีรถไฟฟ้า และรถโดยสารประจำทางผ่านหลายสาย
ห่างออกไป ประมาณ: 7.3 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
เรือนเพชร 2 หรือสุกี้เรือนเพชร สาขาศรีนครินทร์ อยู่เยื้องกับโรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ เป็นหนึ่งในร้านอาหารสไตล์ภัตตาคารจีน และสุกี้โบราณสูตรไหหลำ รสชาติสุกี้ในตำนานสุดคลาสสิค ที่มีมานานกว่า 50 ปี สืบทอดมาหลายยุค ถูกปากคนหลายรุ่น (ผู้ใหญ่มักจะชอบ) เรือนเพชรสุกี้มีอยู่หลายสาขา ที่ศรีนครินทร์จะอยู่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ร้านกว้างขวาง เดินทางมาง่าย มีที่จอดรถสะดวก
ห่างออกไป ประมาณ: 7.5 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ร้านบ้านเมษา ร้านอาหารวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ก่อนเข้าตัวเมืองปากน้ำ (ร้านไม่ได้อยู่ที่บางปูนะ) ใกล้กับโรงเรียนนายเรือ และพิพิธภัณฑ์ทหารเรือ เป็นร้านที่บรรยากาศดี ได้มุมมองและวิวที่แปลกตา ตอนกลางวันนั่งชมเรือสินค้าลำใหญ่แล่นเข้า-ออกปากแม่น้ำ ช่วงเย็นมองพระอาทิตย์ลับฟ้า นั่งรับลมสบายๆ ช่วงค่ำชมวิวองค์พระสมุทรเจดีย์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม (ยิ่งช่วงที่มีการประดับไฟพระสมุทรเจดีย์ตอนกลางคืนยิ่งสวยมาก) การเดินทางมาร้านไม่ยุ่งยาก อยู่ติดถนน ร้านมีที่จอดรถ
ห่างออกไป ประมาณ: 7.7 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ครัวปีกไม้ เป็นร้านกึ่งสวนอาหาร ตั้งอยู่ริมถนนศรีนครินทร์ ร้านนี้เป็นที่รู้จักของคนปากน้ำ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ชอบบรรยากาศร้าน นั่งทานข้าวแบบสบายๆ ผ่อนคลายหลังเลิกงาน ได้นัด ทานข้าวกับเพื่อนๆ หรือกับครอบครัว ฟังดนตรีสดบรรเลงเพลงเก่า เพลงร่วมสมัย ที่ช่วยให้นั่งได้เพลินๆ ร้านนี้หาง่าย อยู่ริมถนน เดินทางไปได้สะดวก และภายในร้านมีที่จอดรถ
ห่างออกไป ประมาณ: 8.1 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ร้านศาลาสุขใจ เป็นร้านอาหารในสถานตากอากาศบางปู สถานที่พักผ่อนสุดคลาสสิค ที่มีมากว่า 75 ปี ร้านอาหารที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่รุ่นเก่าก่อน กินปู ดูนก เต้นรำ ย่ำป่าชายเลน มีครบทุกอย่าง เหมาะกับครอบครัว รุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ เด็ก ผู้สูงวัยได้พักผ่อน เพื่อนได้นัดพบนัดเจอทานข้าว ทุกเย็นวันเสาร์ยังได้นัดกันมาเต้นรำเพื่อสุขภาพ บริเวณศาลาสุขใจ สามารถเดินชมวิวทะเลกว้าง ให้อาหารนกนางนวล (นกมีในช่วงฤดูหนาว)
ห่างออกไป ประมาณ: 8.2 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
สวนอาหารสมพงศ์ หรือ สมพงศ์ซีฟู้ด เป็นร้านเก่าแก่ของเมืองปากน้ำ ตั้งอยู่บนถนนศรีนครินทร์ ลักษณะร้านเป็นสไตล์สวนอาหารกึ่งภัตตาคาร ที่นั่งได้สบายๆ เหมาะกับการหาที่ทานข้าวกับครอบครัว หรือเป็นสถานที่พบปะ นัดเจอกลุ่มเพื่อนฝูง ร้านอยู่ติดถนนใหญ่ หาง่าย เดินทางสะดวก และภายในร้านมีที่จอดรถ
ห่างออกไป ประมาณ: 8.8 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ร้านเพ็ญ ร้านอาหารขนาดย่อม บนถนนศรีนครินทร์ ถือเป็นอีกร้านดังของเมืองปากน้ำ ที่หลายคนมักจะนึกถึง และติดใจในรสชาติอาหาร ความเป็นที่นิยมของร้านมาจากเมนูที่ไม่ค่อยเหมือนกับที่อื่นๆ โดยเฉพาะ ปลาเต๋าเต้ย หม้อไฟ ที่หาทานได้ยากในย่านนี้ ร้านเพ็ญ ตั้งอยู่ริมถนน หาง่าย เดินทางสะดวก มีที่จอดรถ
ห่างออกไป ประมาณ: 9.1 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ร้านระเบียงทะเล ร้านอาหารดังย่านบางปูที่หลายคนแนะนำและชื่นชอบ ร้านตั้งอยู่แถวบางปูใหม่ บรรยากาศดี กว้างขวาง อยู่ใกล้ริมทะเล เดินเล่น ชมวิวสวยๆ ถ่ายรูปเล่น ชมพระอาทิตย์ตก ได้ความโรแมนติก เหมาะที่จะมากับแฟน ครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อนฝูง ร้านอยู่ไม่ไกลจากสถานตากอากาศบางปู เดินทางมาสะดวก มีที่จอดรถกว้างขวาง
ห่างออกไป ประมาณ: 9.5 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ร้านรสสุคนธ์ เป็นหนึ่งในร้านเก่าแก่ของเมืองปากน้ำ ร้านนี้เดิมเคยตั้งอยู่บริเวณเรือนจำเก่า (ปัจจุบันกลายเป็นหอชมเมืองไปแล้ว) จึงเป็นที่รู้จักคุ้นเคยของชาวปากน้ำเป็นอย่างดี ต่อมาเมื่อย้ายไปอยู่ริมถนนศรีนครินทร์ ก็ยังคงมีลูกค้าที่ติดใจในรสชาติอาหารแบบไทยๆ ติดตามไปเป็นลูกค้าประจำอยู่เสมอ บรรยากาศของร้านเป็นแบบสบายๆ ไม่อึกทึกนัก จึงเหมาะกับการมาทานข้าวกับครอบครัว ได้ลิ้มรสอาหารที่คุ้นลิ้น ถูกปากถูกใจคนทุกวัย ร้านหาไม่ยาก ตั้งอยู่ริมถนน เดินทางสะดวก และด้านในมีที่จอดรถ
Tourism Authority of Thailand    Amazing Thailand     Pattaya Concierge     ChonHub     Kanchanaburi dot Co
Copyright © 2016 - 2024 | Ceediz.Com Contact: info@ceediz.com, info.ceediz@gmail.com